เมนู

8. นิคัณฐสูตร



ว่าด้วยปัญหา 10 ข้อของนิครณฐนาฏบุตร



[577] ก็สมัยนั้นแล นิครณฐนาฏบุตรได้ไปถึงราวป่าชื่อว่า
มัจฉิกาสณฑ์พร้อมด้วยนิครณฐ์บริษัทเป็นอันมาก. จิตตคฤหบดีได้สดับ
ข่าวว่า นิครณฐนาฎบุตรได้มาถึงราวป่าชื่อว่ามัจฉิกาสณฑ์พร้อมด้วย
นิครณฐ์บริษัทเป็นอันมาก. ครั้งนั้นแล จิตตคฤหบดีพร้อมด้วยอุบาสก
หลายคนเข้าไปหานิครณฐนาฏบุตรแล้ว ได้ปราศรัยกับนิครณฐนาฏบุตร
ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงได้นั่ง ณ ที่ควรส่วน
ข้างหนึ่ง ครั้นแล้วนิครณฐนาฏบุตรได้ถามจิตตคฤหบดีว่า ดูก่อนคฤหบดี
ท่านย่อมเชื่อต่อพระสมณโคดมว่า สมาธิที่ไม่มีวิตกวิจารมีอยู่ ความดับ
วิตกวิจารมีอยู่หรือ. จิตตคฤหบดีกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าไม่ได้เชื่อต่อ
พระผู้มีพระภาคเจ้า ในข้อนี้ว่า สมาธิอันไม่มีวิตกวิจารมีอยู่ ความดับแห่ง
วิตกวิจารมีอยู่.
[578] เมื่อจิตตคฤหบดีกล่าวอย่างนี้แล้ว นิครณฐนาฏบุตร
แลดูบริษัทของตนแล้วจึงประกาศว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลายจงดูเรื่องนี้ จิตต-
คฤหบดีนี้ เป็นคนตรงไม่โอ้อวด ไม่มีมารยาจริงเพียงใด. จิตตคฤหบดีผู้เข้าใจ
ว่า พึงมีการดับวิตกวิจารนั้น ก็เท่ากับว่าเข้าใจว่า พึงกั้นกางลมได้ด้วยข่าย
หรือจิตตคฤหบดีผู้เข้าใจว่า พึงมีการดับวิตกวิจารนั้น ก็เท่ากับว่าเข้าใจว่า
พึงกั้นกางกระแสน้ำคงคาได้ด้วยฝ่ามือของตน จิตตคฤหบดีกล่าวว่า ท่าน
ผู้เจริญ ท่านย่อมเข้าใจเป็นไฉน คือ ญาณกับศรัทธาอะไรประณีตกว่ากัน.

นิครณฐ. ดูก่อนคฤหบดี ญาณนั่นแหละประณีตกว่าศรัทธา.
จิตต. ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าย่อมจำนงหวังได้ทีเดียวว่า เราสงัด
จากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าปฐมฌานอันมีวิตกวิจารมีปีติและสุขอัน
เกิดแต่วิเวกอยู่ ข้าพเจ้าย่อมจำนงหวังได้ทีเดียวว่า เราเข้าทุติยฌาน ฯลฯ
เพราะวิตกวิจารสงบไป ข้าพเจ้าย่อมจำนงหวังได้ทีเดียวว่า เพราะปีติสิ้นไป
ฯลฯ เข้าตติยฌาน ข้าพเจ้าย่อมจำนงหวังได้ทีเดียวว่า เราเข้าจตุตถฌาน.
ฯลฯ เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัส โทมนัสก่อนๆ ได้. ท่านผู้เจริญ
ข้าพเจ้ารู้เห็นอยู่อย่างนี้ จักไม่เชื่อสมณะหรือพราหมณ์ได้ ๆ ว่าสมาธิอันไม่
มีวิตกวิจารมีอยู่ ความดับแห่งวิตกวิจารมีอยู่.
[579] เมื่อจิตตคฤหบดีกล่าวอย่างนี้แล้ว นิครณฐนาฏบุตรได้
แลดูบริษัทของตนแล้วจึงประกาศว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลายจงดูเรื่องนี้ จิตต-
คฤหบดีนี้ เป็นคนไม่ตรง โอ้อวด มีมารยาจริงเพียงใด จิตดคฤหบดีกล่าวว่า
ท่านผู้เจริญ ก็ข้าพเจ้าทราบคำที่ท่านพูดเมื่อสักครู่นี้แหละว่า ท่านผู้เจริญ
ทั้งหลายจงดูเรื่องนี้ จิตตคฤหบดีนี้เป็นคนตรง ไม่โอ้อวด ไม่มีมารยาจริง
เพียงใด และทราบคำที่ท่านพูดเดี๋ยวนี้ว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลายจงดูเรื่องนี้
จิตตคฤหบดีนั้นเป็นคนไม่ตรง โอ้อวด มีมารยาจริงเพียงใด ถ้าคำพูดครั้งก่อน
ของท่านเป็นจริง คำพูดครั้งหลังของท่านก็ผิด ถ้าคำพูดครั้งหลังของท่าน
เป็นจริง คำพูดครั้งก่อนของท่านก็ผิด ก็ปัญหาที่มีเหตุผล 10 ข้อนี้ย่อม
มาถึงแก่ท่าน เมื่อท่านเข้าใจเนื้อความแห่งปัญหาเหล่านั้น ก็เชิญบอกกับ
นิครณฐ์บริษัท. ปัญหา 10 ข้อนี้ คือ ปัญหา 1 อุเทศ 1 ไวยากรณ์ 1
ปัญหา 2 อุเทศ 2 ไวยากรณ์ 2 ปัญหา 3 อุเทศ 3 ไวยากรณ์ 3

ปัญหา 4 อุเทศ 4 ไวยากรณ์ 4 ปัญหา 5 อุเทศ 5 ไวยากรณ์ 5
ปัญหา 6 อุเทศ 6 ไวยากรณ์ 6 ปัญหา 7 อุเทศ 7 ไวยากรณ์ 7
ปัญหา 8 อุเทศ 8 ไวยากรณ์ 8 ปัญหา 9 อุเทศ 9 ไวยากรณ์ 9
ปัญหา 10 อุเทศ 10 ไวยากรณ์ 10 ครั้นจิตตคฤหบดีได้ถามปัญหาที่มี
เหตุผล 10 ข้อนี้กะนิครณฐนาฏบุตรเสร็จแล้ว ลุกจากอาสนะหลีกไป.
จบ นิคัณฐสูตรที่ 8

อรรถกถานิคัณฐสูตรที่ 8



พึงทราบวินิจฉัยในนิคัณฐสูตรที่ 8 ดังต่อไปนี้.
บทว่า เตนุปสงฺกมิ ความว่า ถามว่า จิตตคฤหบดี เป็นอริย
สาวก ชั้นอนาคามีบุคคล ผู้มีอาคมอันถึงแล้ว รู้คำสอนแจ่มแจ้งแล้ว เหตุไร
จึงเข้าไปหานิครนถ์เปลือยกายไม่มีมิ่งขวัญเล่า. ตอบว่า เพื่อปลดเปลื้อง
การว่าร้าย และเพื่อความรุ่งเรื่องวาทะ. ได้ยินว่า พวกนิครนถ์ ย่อมเข้าไป
ว่าร้ายว่า พวกสาวกของสมณโคดมเป็นเช่นตอไม้ตะเคียนอันแข็ง ย่อมไม่
ทำปฏิสันถารกับใครเลย จิตตคฤหบดี เข้าไปหาแล้ว เพื่อปลดเปลื้องการว่า
ร้ายนั้น และคิดว่า เราจักยกวาทะกับนิครนถ์นั้นดังนี้. บทว่า น ขฺวาหํ
เอตฺถ ภนฺเต ภควโค สทฺธาย คจฺฉามิ
ท่านแสดงว่า บุคคลใด
ย่อมไม่ทำให้แจ้งด้วยญาณ บุคคลนั้น พึงไปด้วยความเชื่อต่อบุคคลอื่นว่า
ได้ยินว่า สิ่งนั้น เป็นอย่างนั้น แต่สิ่งนั้น อันเราทำให้แจ้งแล้วด้วยญาณ.
เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้า จึงไม่เชื่อต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ในข้อนี้ดังนี้
จึงกล่าวอย่างนี้.